เมื่อเกิด ทิฏฐิมานะ ต่อให้ชนะก็แพ้ อ่านเตือนสติตนเอง

อ่าน 7,787

"เมื่อเกิดทิฏฐิมานะ ต่อให้ชนะก็แพ้" สละเวลาอ่าน เตือนสติตนเอง

"ทิฏฐิมานะ" คือ การถือตัวว่าฉันถูก แกผิด และฉันต้องยืนหยัดยึดสิ่งนี้

ในโลกนี้มีคนจำนวนหนึ่ง ที่มีทิฏฐิมานะสูงมาก

สูงมากจนทำลายโอกาสดีๆ ในชีวิต

สูงมากจนทำลายความสัมพันธ์ดีๆ ในชีวิต

สูงมากจนทำลายช่วงเวลาดีๆ ที่ผ่านไปไม่สามารถเรียกย้อนคืนกลับมาได้

การมีทิฏฐิ มันต่อเนื่องมาจากการมีอัตตา คือตัวกู-ของกู

ยึดมั่นในตัวตนของตัวเองอย่างหนัก

หนักจนต่อเนื่องมาใช้กับคนอื่น

ที่น่าเศร้าที่สุด คือการนำมาใช้กับคนที่เรารักเนี่ยแหละ

สามีภรรยาคู่หนึ่ง อยู่กินมา 20 ปี ไม่มีลูก

ทะเลาะกันในเรื่องเล็กน้อยที่สุด แต่ต่างคิดว่าตัวเองถูก

มี "ทิฏฐิ" กันทั้งคู่ เลยไม่ยอมคุยกัน อยู่ในบ้านกินอยู่กันปกติ

แต่ไม่พูดกันแม้แต่คำเดียว อีกฝ่ายรออีกฝ่ายที่จะเอ่ยปากก่อน

จนเวลาผ่านไปถึง 2 ปี สามีล้มฟุบในห้องน้ำ

เลยส่งเสียงเรียกภรรยามาช่วย นี่คือการพูดกันครั้งแรกในรอบ 2 ปี

สุดท้าย ภรรยาพาสามีไปโรงพยาบาล

หมอวินิจฉัยว่า? "สามีเป็นมะเร็งตับขั้นสุดท้าย"

น่าจะมีเวลาอยู่ได้เต็มที่ไม่เกิน 2 เดือน

ทั้งสองคนกอดคอกันร้องไห้เสียใจ

เสียใจที่เหลือเวลาอยู่ด้วยกันอีก 2 เดือน

แต่เสียใจมากกว่าที่เผาเวลา 2 ปีไปอย่างไม่มีความหมาย

นี่แหละผลของทิฏฐิมานะ

ผลของ "ความยึดมั่นถือมั่น เห็นเป็นสำคัญว่าฉันถูก"

คำถามสำคัญ 3 ข้อที่ครูบาอยากให้เราถามใจตัวเองคือ

1. จริงๆ เราถูกจริงๆหรอ ที่เราแค่คิดเข้าข้างตัวเอง?

2. แล้วจริงๆ สิ่งที่ถูกมันมีมุมเดียวหรอ มุมอื่นที่ถูกต้องก็มีเหมือนกันรึเปล่า?

3. ต่อให้เราถูก เขาผิดจริงๆ แล้วความถูกต้องมันมีค่าแค่ไหนกัน?

มันทำให้เรามีความสุขได้มากกว่า การที่เราปล่อยวางวางลงรึเปล่า?

ในมุมครูบาฯ "ความถูกต้องในสมองไม่มีทางสำคัญไปกว่าความสุขในใจไปได้เลย"

คนที่มีทิฏฐิมานะ คนทั่วไปจะมองเข้ามาแล้วคิดว่าคนๆนี้ช่างยืนหยัด

มีสัจจะ เป็นคนจริง และแข็งแกร่งเสียเหลือเกิน แต่เรื่องจริงก็คือ

ภายในเขาอ่อนแอและอ่อนไหวมาก

เลยต้องสร้างเกราะกำบังขึ้นมาขวางตาคนไม่เห็นความอ่อนแอนั้น

"ทิฏฐิมานะ" คือเกราะกำบังอันนั้นแหละ

น่าสลดที่ว่า เกราะกำบังอันนี้มันดันเป็นสิ่งเดียวกับกำแพง

ที่กั้นขวางความสุขที่เขาควรได้ควรมีในชีวิตนี้ไปด้วย

ชีวิตคนเรามันสั้นนัก การที่เราจะได้อยู่กับใครซักคนยิ่งสั้นกว่า

จะยึดมั่นถือมั่นไปทำไม จะถือความถูกต้องที่มองจากมุมตัวเองไปทำไม

จะแบกก้อนหินยักษ์นี้ไว้ให้ปวดหลังไปทำไม

ทำไมไม่วางลง? ลดทิฏฐิ ลดอัตตาลง ปล่อยไปเถอะสิ่งที่ยึดไว้

เสียอะไรไปกี่อย่างแล้วชีวิตนี้ เสียโอกาสดีๆไปกี่ครั้ง

เสียช่วงเวลาสวยงามไปนานเท่าไหร่

เสียคนดีๆออกจากชีวิตไปกี่คนแล้ว

แล้วจะปล่อยให้เสียอย่างนี้ไปอีกถึงเมื่อไหร่

ถึงวันต า ยเลยไหม?

อย่าไปยึดเลยทิฏฐิ อย่าไปยึดเลยศักดิ์ศรี คนที่ยึดศักดิ์ศรีอย่างเข้มข้น

สุดท้ายตอนตายจะวางเปล่าและเหงาหงอย เพราะเหลือเพียง

ศักดิ์ศรีจอมปลอมที่ไว้กอดก่อนตายอย่างเดียวดายเนี่ยแหละ

วินาทีที่ใกล้ตาย ถึงจะค่อยมาสำนึกว่าใช้ชีวิตผิดมาตลอด

พวกเราอยากเป็นคนๆ นั้นจริงๆ เหรอ?

ปล่อยวางนะโยม ปล่อยไปเถอะ

อะไรมันหนักก็ค่อยๆวางลง

พอวางได้ใจมันก็จะเป็นสุข

มันจะเบา มันจะโล่ง มันจะอิ่มเอม

คนเราไม่รู้จะตายเมื่อไหร่

จะตายไปทั้งๆที่ใจมันหนัก ไม่ได้ทำในสิ่งที่อยากทำ

และไม่ได้สุขในสิ่งที่ควรได้สุขเลย

ครูบาขอเจริญพร

วาไรตี้

เครื่องสำอาง แม่และเด็ก คลินิก สุขภาพ สกินแคร์ แต่งหน้า ทรงผม ทำเล็บ แฟชั่น ความรัก ดูดวง วาไรตี้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย คติสอนใจ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่