เช้าไม่อยากตื่น บ่ายง่วง อาการนี้ไม่แน่อาจเสี่ยง ป่วย "ต่อมหมวกไตล้า"

อ่าน 14,956

เช็กอาการต่อมหมวกไตล้า ภัยเงียบของวัยทำงาน หมดไฟ  อ่อนเพลียง่าย อยากกินแต่ของหวานๆ  อาจเพราะต่อมหมวกไตอ่อนแอ

ต่อมหมวกไตล้า

ถ้าช่วงนี้รู้สึกเหนื่อยๆ ไม่ค่อยมีแรง ไม่อยากตื่นนอนเลยในตอนเช้า แถมยังง่วงงุนในทุกบ่าย แต่ดันมาสดชื่นตอนช่วงเย็นๆ เป็นต้นไป พร้อมมีอาการซึมๆ อึนๆ มากขึ้นทุกวัน แถมบางคนยังอ้วนขึ้นเพราะติดกินหวาน กินอาหารเค็มๆ ทำให้ลดน้ำหนักไม่ลง ออกกำลังกายก็แล้วแต่ก็ยังไม่ผอม เอ๊ะ ! อาการชักแปลกๆ หรือว่าอวัยวะข้างในอย่างต่อมหมวกไตกำลังงอแง มีอาการต่อมหมวกไตล้า หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Adrenal Fatigue

ต่อมหมวกไตล้า คืออาการอะไร

ภาวะต่อมหมวกไตล้า คือ อาการผิดปกติของร่างกายโดยมีความเครียดเป็นปัจจัยกระตุ้น จัดอยู่ในกลุ่มโรคที่ถูกลืม เนื่องจากโดยส่วนมากแล้วภาวะนี้จะไม่ค่อยได้รับการตรวจวินิจฉัยอย่างถูกต้องและทันท่วงที

ทั้งนี้ต่อมหมวกไตมีหน้าที่สร้างฮอร์โมนหลายชนิด เช่น ฮอร์โมนเพศและฮอร์โมนความเครียดหรือที่เรียกว่า คอร์ติซอล (Cortisol) เมื่อร่างกายเครียด ต่อมหมวกไตก็จะหลั่งฮอร์โมนคอร์ติซอลออกมา ซึ่ง พญ.ชนิดา ขวัญฐิตินันท์ แพทย์เวชศาสตร์ชะลอวัย ศูนย์เวชศาสตร์ชะลอวัย โรงพยาบาลพญาไท 3 อธิบายว่า ฮอร์โมนคอร์ติซอลจะถูกหลั่งออกมาเพื่อปรับสมดุลร่างกาย แต่หากร่างกายมีความเครียดอย่างต่อเนื่อง ต่อมหมวกไตก็อาจจะเกิดอาการล้าได้

ต่อมหมวกไตล้า

ต่อมหมวกไตล้า เกิดจากสาเหตุอะไร

หากจะกล่าวว่าอาการต่อมหมวกไตล้าเกิดจากความเครียดเป็นหลักก็ว่าได้ เนื่องจากเมื่อร่างกายมีความเครียดตลอดเวลา ต่อมหมวกไตจะหลั่งคอร์ติซอลออกมาเพื่อสู้กับภาวะความเครียดนั้น ซึ่งหากคอร์ติซอลหลั่งออกมามากเกินไป จะส่งผลเสียต่อร่างกาย เนื่องจากฮอร์โมนตัวนี้มีฤทธิ์ในการสลายและทำลายล้าง ทำให้ร่างกายเสื่อมและแก่เร็ว และเมื่อต่อมหมวกไตต้องหลั่งคอร์ติซอลออกมาอย่างต่อเนื่อง ก็จะทำให้ต่อมหมวกไตเข้าสู่ภาวะอ่อนล้าได้

และนอกจากความเครียดที่เกิดขึ้นทางด้านจิตใจแล้ว ทุกวันนี้เรายังมีความเครียดทางกายที่เกิดขึ้นจากพฤติกรรมส่งผลเสียต่อสุขภาพ หรือที่เรียกว่า Physical Stress ซึ่งได้แก่

- ความเครียดจากการนอนดึก

- ความเครียดจากการไม่รับประทานอาหารเช้า

- ความเครียดที่เกิดจากการรับประทานของหวานหรือน้ำตาลมาก

- ความเครียดที่เกิดจากมลภาวะในอากาศ ในน้ำ หรือสารพิษที่เจือปนมากับอาหาร เป็นต้น

ต่อมหมวกไตล้า

ต่อมหมวกไตล้า อาการเป็นอย่างไร

เช็กอาการของภาวะต่อมหมวกไตล้าได้ ดังนี้

- ตื่นยาก ตื่นเช้ามาไม่สดชื่น แม้นอนหลับเพียงพอแล้วก็ยังรู้สึกเหนื่อยล้า

- อ่อนเพลีย รู้สึกง่วงเหงาหาวนอนทั้งวัน แอบงีบแล้วก็ยังไม่รู้สึกดีขึ้น

- รู้สึกสดชื่น กระปรี้กระเปร่าขึ้นในตอนเย็น เพราะฮอร์โมนคอร์ติซอลทำงานผิดปกติ

- อยากกินของหวาน ของเค็ม รู้สึกสดชื่นขึ้นเมื่อได้กินของหวาน

ต่อมหมวกไตล้า

-  ง่วงแต่นอนไม่หลับ นอนหลับยาก หรือหลับๆ ตื่นๆ

- อารมณ์ทางเพศลดน้อยลง

- ปวดประจำเดือนมากกว่าปกติ

- ภูมิแพ้กำเริบบ่อยๆ

- ท้องอืด อาหารไม่ย่อย

- ท้องผูก

- วิงเวียนศีรษะ หน้ามืดเวลาเปลี่ยนท่า เพราะภาวะต่อมหมวกไตล้าทำให้ความดันโลหิตต่ำลง

- เครียด เบื่อ โกรธง่าย โมโหง่าย

ต่อมหมวกไตล้า

- ผิวแห้งและแพ้ง่าย

- ลดน้ำหนักไม่สำเร็จ แม้จะคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำก็ตาม

- ความจำลดลง ขี้หลงขี้ลืม

- ไม่มีสมาธิกับสิ่งที่ทำ

- ไม่มีแรง หรือพลังงานในการใช้ชีวิตประจำวัน

- ป่วยบ่อย หายป่วยช้า เพราะภูมิคุ้มกันอ่อนแอลง

- ปัสสาวะบ่อยผิดปกติ

หากมีอาการเหล่านี้หลายๆ ข้อ มาสักระยะเวลาหนึ่ง ควรไปพบแพทย์เพื่อหาสาเหตุของความผิดปกติ เผื่อพบว่ามีภาวะต่อมหมวกไตล้า จะได้รักษาให้กลับมาปกติดีนะคะ

ต่อมหมวกไตล้า ตรวจได้ยังไง

นอกจากอาการของภาวะต่อมหมวกไตล้าแล้ว การวินิจฉัยภาวะต่อมหมวกไตล้ายังสามารถตรวจได้จากการตรวจเลือด เพื่อเช็กระดับฮอร์โมนคอร์ติซอลและฮอร์โมน DHEA ว่าอยู่ในระดับที่สมดุลหรือไม่

ต่อมหมวกไตล้า

ต่อมหมวกไตล้า รักษาอย่างไร

วิธีรักษาอาการต่อมหมวกไตล้า หลักๆ จะเป็นการปรับไลฟ์สไตล์ เพื่อลดความเครียดที่มีอยู่ โดยคำแนะนำสำหรับผู้ที่มีภาวะต่อมหมวกไตล้า มีดังนี้

1. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ อย่างน้อย 6 ชั่วโมงต่อวัน และควรเข้านอนให้เร็วขึ้น และเป็นเวลา

2. รับประทานอาหารเช้าก่อน 10.00 น.

3. รับประทานมื้ออาหารเล็กๆ แต่บ่อยครั้ง โดยอาจจะแบ่งอาหารออกเป็น 6 มื้อ

4. ออกกำลังกายแบบปานกลาง สัปดาห์ละ 3 วัน เช่น โยคะ วิ่งจ๊อกกิ้งในสวน เพราะการออกกำลังกายที่หนักเกินไปอาจทำให้ต่อมหมวกไตล้ามากขึ้น

ต่อมหมวกไตล้า

5. คลายเครียดด้วยการไปเที่ยวพักผ่อน หรือหางานอดิเรกทำ

6. ฝึกควบคุมลมหายใจเข้า-ออก หรือนั่งสมาธิ

7. รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ โดยเน้นรับประทานโปรตีนให้มากขึ้น และลดอาหารประเภทแป้งและน้ำตาล

8. ลดการดื่มกาแฟ หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน

9. แพทย์อาจให้วิตามินเพื่อช่วยลดการอักเสบของร่างกาย

10. รักษาด้วยการให้ยาหรือฮอร์โมนตัวอื่นๆ เพื่อเสริมการทำงานของต่อมหมวกไต

ทั้งนี้การรักษาภาวะต่อมหมวกไตล้าให้กลับมาแข็งแรงเหมือนเดิมอาจใช้เวลาประมาณ 2-3 เดือน ซึ่งผู้ป่วยเองก็ควรปรับเปลี่ยนไลฟ์สไตล์ ดูแลตัวเองให้มากขึ้น เพื่อให้ร่างกายกลับมาสดชื่น แข็งแรง และเป็นปกติในเร็ววัน

 

วาไรตี้

เครื่องสำอาง แม่และเด็ก คลินิก สุขภาพ สกินแคร์ แต่งหน้า ทรงผม ทำเล็บ แฟชั่น ความรัก ดูดวง วาไรตี้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย คติสอนใจ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่