3 วิตามินเสริม เพื่อสาวอายุ 30+ ให้เป็น 30 ยังแจ๋ว

อ่าน 11,755

สวัสดีค่าาา ทุกคน~~~ วันนี้ GangBeauty มีกระทุ้ดีๆ มาฝากสำหรับสาววัย 30 ขึ้นไปโดยเฉพาะ เพราะวัย 30+ เป็นช่วงเปลี่ยนผ่าน ทั้งเรื่องของระบบภายในร่างกาย อารมณ์แปรปรวน ฮอร์โมนภายในร่างกายเปลี่ยนแปลง ความเต่งตึงของผิวก็หย่อนคล้ายไปตามกาลเวลา เรียกได้ว่าเป็นวัยที่เข้าสู่วัยผู้ใหญ่แบบเต็มตัว ระบบเผาผลาญก็เริ่มทำงานช้าลง ภาระต่างๆ หน้าที่การงานก็หนักขึ้น ส่งผลให้ทำงานจนลืมเวลา ลืมกินข้าว ลืมนอน ลืมออกกำลังกาย ความสวยสะพรั่งก็วิ่งหนีออกจากร่างไปแล้ว เราต้องรู้จักดูแลตัวเองให้มากขึ้นนะคะ ไหนจะเรื่องอาหารการกินอีก หากทานไม่ครบก็ต้องมีตัวช่วยเพิ่ม นั่นก็คือวิตามินเสริมอาหาร แล้วต้องเสริมในเรื่องของอะไรบ้าง ตามมาดูกันเลยค่าาาาา

VITAMIN C

วิตามินเพื่อนแท้ของสาวๆ เรารู้แต่เด็กแล้วว่าถ้าขาดวิตามินซี ร่างกายจะอ่อนแอ ป่วยง่าย ผิวพรรณไม่สดใส เพราะวิตามินซีมีความสำคัญในกระบวนการสร้างคอลลาเจน สาวๆ ที่ชอบกินผลไม้รสเปรี้ยว หรือผลไม้ตระกูลเบอร์รี่ก็โชคดีหน่อยเพราะวิตามินซีเยอะ รวมทั้งบรรดาผักใบเขียวก็มีมากเช่นกัน

คำเตือน : สาวๆ ที่สูบบุหรี่จัด ควรกินวิตามินซีเสริมมากที่สุด เพราะบุหรี่จะทำให้ร่างกายสูญเสียวิตามินซีเยอะมากๆ นอกจากนี้ความเครียดก็ทำให้วิตามินซี ในร่างกายลดลงด้วยนะ

VITAMIN B

เราแนะนำว่าเป็นวิตามินบีรวมไปเลย เพื่อความครบถ้วน เพราะจะได้รับวิตามินบี แต่ละชนิดในปริมาณที่เหมาะสมต่อร่างกาย และทำงานร่วมกันอย่างมีประสิทธิภาพ (โดยวิตามินเสริมที่ขายตามท้องตลาด จะรวมเอาวิตามินบีที่จำเป็นต่อร่างกายไว้แล้ว) นี่คืออีกหนึ่งวิตามินฮีโร่สำหรับสาววัย 30+ และสาวออฟฟิศทั้งหลาย เพราะวิตามินบีช่วยส่งเสริมการทำงานด้านระบบประสาท ฟื้นบำรุงความสมบูรณ์ให้ระบบร่างกายต่างๆ ของเรา ซึ่งสามารถแยกออกเป็นวิตามินบีชนิดที่จำเป็น ได้ดังนี้

- Vitamin B1

เป็นวิตามินที่เหมือนแฟน เพราะจะช่วยดูแลบำรุงระบบประสาท กล้ามเนื้อ สมอง ความคิด รวมทั้งป้องกันโรคเหน็บชา และงูสวัดได้ดี ถ้าถามหาว่าอยู่ในอาหารประเภทใด ก็คือจะเจอในพวกธัญพืชทั้งหลาย ไม่ว่าจะถั่วเหลือง ถั่วลิสง ผลิตภัณฑ์โฮลวีต และ เนื้อ นม ไข่ ทั้งหลาย

- Vitamin B2

ใครที่รู้ตัวว่าขน ผม เล็บ และผิวพรรณไม่สดใส ต้องวิตามินบี 2 นี่เลยค่ะ นอกจากนี้นางยังช่วยเรื่องของกระบวนการสร้างการเจริญเติบโต ระบบสืบพันธุ์ รวมทั้งสาวๆ ที่มีปัญหาเกี่ยวกับการมองเห็น อาการอ่อนล้าทางสายตา แถมยังช่วยลดความปวดร้าวของไมเกรนได้ดี พบมากใน อาหารประเภทโปรตีน นม ไข่ ถั่ว เนื้อปลา ชีส และโยเกิร์ต

- Vitamin B3

พบมากในสัตว์ปีกทั้งหลาย (แต่ถ้ากินมากไประวังเกาต์จะถามหานะ) และบรรดาธัญพืชเช่นกัน รวมทั้ง ปลา ไข่ และลูกพรุน ประโยชน์คือประสิทธิภาพในการบำรุงผิว บรรเทาอาการไมเกรน อาการวิงเวียนของโรคน้ำในหูไม่เท่ากัน เพิ่มการไหลเวียนของเลือด

- Vitamin B5

ช่วยเสริมภูมิต้านทานของร่างกายได้ดี ช่วยฟื้นฟูความอ่อนเพลียของร่างกาย ช่วยบรรเทาอาการเหน็บชาที่มือและเท้า พบมากในเนื้อสัตว์ทั้งหลาย ไก่ ธัญพืช และผักสีเขียว

- Vitamin B6

ถ้าขาดวิตามินบี 6 อาจเสี่ยงต่อโรคโลหิตจาง ผิวหนังอักเสบง่าย นอกจากนี้วิตามินบี 6 ยังช่วยเสริมสร้างภูมิต้านทานของร่างกาย ชะลอวัย ลดอาการเกร็ง ตะคริว และชาตามมือ เท้า ได้อีกด้วย ซึ่งวิตามินบี 6 ยังคงพบมากในเนื้อสัตว์ ธัญพืช เมล็ดถั่ว โปรตีนจากเนื้อปลา รวมทั้งปลาแซลมอนก็มีวิตามินบี 6 จำนวนมาก

- Vitamin B12

พบมากในเนื้อสัตว์ทั้งหลาย รวมทั้งนม ไข่แดง และชีส อีกวิตามินที่เหมาะกับสาวออฟฟิศมากๆ เพราะช่วยบำรุงระบบประสาท ความจำ สมาธิทั้งหลาย รวมทั้งสามารถลดอาการตึงเครียด ได้ดี (คุณหมอและเภสัชกรหลายคนจึงแนะนำให้กินวิตามินบีก่อนนอนนั่นเอง) แถมยังทำให้เจริญอาหารอีกด้วย

VITAMIN E

สาวๆ หลายคนคงรู้กันดีอยู่แล้วว่าวิตามินอี นั้น นางมีส่วนช่วยในเรื่องผิวพรรณและความอ่อนเยาว์ของเราดีเพียงใด เพราะว่าวิตามินอี นั้นอุดมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระสูงมาก (ตัวการสำคัญที่ทำให้เซลล์หรือเนื้อเยื่อในร่างกายเราถูกทำลายได้ง่าย ซึ่งในแง่ของความสวยความงามแล้ว ก็คือทำให้ผิวหนังของคุณหมองคล้ำ มีริ้วรอย และหย่อนยานง่ายนั่นเอง) จึงนิยมเอาไปเป็นส่วนผสมของบิวตี้โปรดักต์ทั้งหลาย นอกจากนี้ยังช่วยในการเสริมสร้างความแข็งแรงของร่างกายอีกด้วย โดยเราจะพบวิตามินอีมากในอาหารประเภทธัญพืช-โฮลวีต น้ำมันพืช เช่น น้ำมันเมล็ดฝ้าย น้ำมันดอกคำฝอย น้ำมันข้าวโพด เป็นต้น และผักสีเขียวทั้งหลาย รวมทั้งอะโวคาโด ก็มีวิตามินอีจำนวนมากเช่นกัน


สกินแคร์

เครื่องสำอาง แม่และเด็ก คลินิก สุขภาพ สกินแคร์ แต่งหน้า ทรงผม ทำเล็บ แฟชั่น ความรัก ดูดวง วาไรตี้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย คติสอนใจ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่