จากเด็กตัวดำหน้าเป็นสิว กลายเป็นสาวหน้าใส เปลี่ยนแปลงตัวเองภายใน 1 เดือน !!

อ่าน 7,750

1.อย่างแรกยาคุมมีหลายชิด ทั้งแบบ 28 เม็ด และ 21 เม็ด ซึ่งการกินนั้นแตกต่างกันเล็กน้อย ส่วนที่นิยมคือ 28 เม็ด แบบ 21 เม็ด คือทุกเม็ดมีส่วนผสมที่เท่ากัน ส่วน 28 เม็ด จะมีส่วนผสมเท่ากันอยู่ 21 เม็ด ส่วนอีก 7 เม็ดเป็นวิตามินและอื่นๆ ซึ่งควรรับประทานตามแพทย์สั่งจะดีที่สุด! โดยเราสามารถพบหมอผิวหนังเพื่อปรึกษาเรื่องการรับประทานยาคุมกำเนิดสำหรับรักษาสิวได้เลย สาวๆ หลายคนเลือกใช้วิธีรักษาสิวด้วยการใช้ยาคุมกำเนิด อาจจะเนื่องมาจากว่าเห็นคนอื่นๆ ใช้แล้วได้ผลดี ผิวพรรณสดใส สิวดีขึ้น และหน้ามันลดลง อีกทั้งยังราคาไม่สูง เมื่อเทียบกับการไปรักษาสิวที่คลินิกหรือโรงพยาบาล

ยาคุมหนึ่งแพงราคาประมาณ 80 - 600 บาท โดยประมาณ แล้วแต่ยี่ห้อและชนิด รักษาสิวที่คลินิก ปัจจุบันเริ่มต้นที่ 300 บาท ไปจนถึงราคาเป็นหมื่น เกือบแสนเลยก็มี แน่นอนว่าใครๆ ก็อยากมีผิวสวยๆด้วยกันทั้งนั้น! แต่การใช้ยาคุมกำเนิดในการรักษาสิวนั้น ควรจะใช้ด้วยความระมัดระวัง เพราะขึ้นชื่อว่ายา ย่อมจะมีผลข้างเคียง และอาจจะเป็นผลข้างเคียงในแง่ร้ายได้

2.Blackmore Zinc + Vitamin C

แบรนด์นี้หาซื้อง่ายมากตามร้านขายยาชั้นนำทั่วไป เราเคยทานควบคู่กันทั้ง 2 ตัว จากที่เคยอ่านมา งานวิจัยเค้าบอกว่า ผู้ที่เป็นสิวส่วนใหญ่ (ไม่ใช่ทั้งหมด) มักมี Zinc ในร่างกายอยู่ในระดับต่ำ การทาน Zinc ในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยปรับสมดุล ทั้งยังช่วยต้านแบคทีเรีย ซึ่งเป็นอีกหนึ่งตัวการที่ทำให้เกิดสิว ลดหน้ามัน ลดสิวอักเสบได้ดี ส่วนวิตามินซีจะช่วยในเรื่องการดูดซึม ให้ร่างกายสามารถนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ และทำให้ผิวใสขึ้น (ไม่ช่วยเรื่องขาวนะ)

ทั้ง 2 ตัวนี้ต้องใช้เวลาประมาณ 2 เดือนจึงจะเห็นผล ในช่วงแรก บางคนอาจจะมีสิวเพิ่มขึ้น แต่ไม่ต้องกังวลเพราะมันจะค่อยๆ ลดลงไปเอง และที่สำคัญต้องหยุดทานทุกๆ 2-3 เดือนเพื่อให้ตับและไตได้พักผ่อน สำหรับตัวนี้เราโอเคหมด เหมาะสำหรับคนที่ต้องการแก้ปัญหาสิวและหน้ามันแบบค่อยเป็นค่อยไป


สกินแคร์

เครื่องสำอาง แม่และเด็ก คลินิก สุขภาพ สกินแคร์ แต่งหน้า ทรงผม ทำเล็บ แฟชั่น ความรัก ดูดวง วาไรตี้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย คติสอนใจ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่