ก่อนตัดสินใจเข้ารับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คาง ไม่ว่าจะเพื่อปรับรูปหน้าให้เรียวขึ้น หรือเพิ่มความมีมิติให้ใบหน้าดูสมส่วน สิ่งสำคัญที่หลายคนมักมองข้ามคือ “การตรวจและประเมินก่อนเข้ารับการฉีด” เพราะโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ที่ดีไม่เพียงแต่ช่วยให้ผลลัพธ์ออกมาสวยเท่านั้น แต่ยังลดความเสี่ยงต่อภาวะแทรกซ้อน และทำให้ฟิลเลอร์อยู่ได้นานอย่างปลอดภัย การเข้าใจขั้นตอนเหล่านี้จึงเป็นสิ่งที่ควรรู้ก่อนตัดสินใจเข้ารับบริการ

ขั้นตอนแรก : ตรวจและประเมินโครงหน้ากับแพทย์

ก่อนเริ่มโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คาง แพทย์จะทำการซักประวัติอย่างละเอียด เพื่อประเมินลักษณะโครงหน้า ปัญหาที่ผู้รับบริการต้องการแก้ไข รวมถึงสัดส่วนของคางและแนวกราม โดยดูว่าควรเพิ่มในตำแหน่งใดเพื่อให้ใบหน้าดูสมดุลมากที่สุด การประเมินนี้เป็นขั้นตอนสำคัญที่จะช่วยให้การฉีดฟิลเลอร์คางออกมาดูเป็นธรรมชาติ ไม่แข็งหรือยื่นเกินไป อีกทั้งยังช่วยให้แพทย์วางแผนปริมาณฟิลเลอร์และเทคนิคการฉีดได้อย่างแม่นยำ

ขั้นตอนที่สอง : ตรวจสุขภาพเบื้องต้นก่อนฉีด

สำหรับผู้ที่ต้องการเข้ารับโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คาง แพทย์จะตรวจสอบสุขภาพเบื้องต้น เช่น การตั้งครรภ์ ภาวะภูมิแพ้ หรือโรคประจำตัวบางชนิด เช่น เบาหวาน ความดันโลหิตสูง หรือโรคเลือด เพราะภาวะเหล่านี้อาจส่งผลต่อการหายของแผลหรือเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดรอยช้ำหลังฉีด นอกจากนี้ยังต้องแจ้งแพทย์หากมีการใช้ยาที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น แอสไพริน หรือวิตามินอี เพื่อให้แพทย์พิจารณาหยุดยาชั่วคราวก่อนเข้ารับการฉีด

ขั้นตอนที่สาม : เลือกชนิดฟิลเลอร์ที่เหมาะกับคาง

ฟิลเลอร์ที่ใช้ในโปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คางมีหลากหลายยี่ห้อ โดยส่วนใหญ่จะเป็นฟิลเลอร์ประเภทไฮยาลูรอนิกแอซิด (Hyaluronic Acid: HA) ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยเติมเต็มและสร้างโครงสร้างคางให้ได้รูป โดยแพทย์จะเลือกชนิดที่มีความหนืดสูงกว่าฟิลเลอร์สำหรับจุดอื่น เช่น ริมฝีปากหรือใต้ตา เพื่อให้คางดูมีมิติและคงรูปได้นาน โดยทั่วไปฟิลเลอร์คางจะอยู่ได้นานประมาณ 12–18 เดือน ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับแบรนด์ที่ใช้และพฤติกรรมการดูแลหลังฉีดของแต่ละคน

ขั้นตอนที่สี่ : ตรวจสอบมาตรฐานของคลินิกและผลิตภัณฑ์

ก่อนตัดสินใจเข้ารับ โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คาง ควรตรวจสอบให้แน่ใจว่าคลินิกมีใบอนุญาตประกอบกิจการถูกต้องตามกฎหมาย และแพทย์ที่ฉีดเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านเวชศาสตร์ความงาม นอกจากนี้ต้องตรวจสอบฟิลเลอร์ที่ใช้ว่าผ่านการรับรองจาก อย. (สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา) โดยสังเกตจากกล่องบรรจุภัณฑ์ที่มีเลขทะเบียนและสติกเกอร์ อย. ชัดเจน เพื่อความมั่นใจว่าเป็นฟิลเลอร์แท้และปลอดภัย 100%

ขั้นตอนที่ห้า : เตรียมตัวก่อนเข้ารับบริการ

ผู้ที่ต้องการฉีดฟิลเลอร์คางควรเตรียมตัวล่วงหน้าอย่างน้อย 3–5 วัน โดยหลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ และการทานอาหารเสริมบางชนิดที่มีผลต่อการแข็งตัวของเลือด เช่น น้ำมันปลา หรือโสม เพื่อป้องกันการเกิดรอยช้ำหลังการฉีด และในวันที่เข้ารับบริการ ควรทำความสะอาดใบหน้าให้เรียบร้อย งดแต่งหน้า และไม่ทาครีมบำรุงผิวบริเวณคาง เพื่อให้แพทย์สามารถประเมินสภาพผิวได้อย่างชัดเจน

ขั้นตอนหลังฉีด : การดูแลเพื่อผลลัพธ์ที่ดีที่สุด

หลังจากฉีดฟิลเลอร์คางแล้ว ควรหลีกเลี่ยงการนวดหรือสัมผัสบริเวณคางแรง ๆ อย่างน้อย 48 ชั่วโมง ห้ามนอนตะแคงหรือนอนคว่ำในช่วง 3 วันแรก และงดออกกำลังกายหนักเพื่อป้องกันฟิลเลอร์เคลื่อนตำแหน่ง ควรดื่มน้ำให้เพียงพอ พักผ่อนให้เพียงพอ และติดตามผลกับแพทย์ตามนัดหมาย เพื่อให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์คางคงผลลัพธ์ที่สวยและเป็นธรรมชาติได้นานที่สุด

 

การฉีดฟิลเลอร์คางไม่ได้มีแค่เรื่องของความสวยงาม แต่ยังเกี่ยวข้องกับความปลอดภัยและความเหมาะสมเฉพาะบุคคล การตรวจและประเมินก่อนฉีดจึงเป็นสิ่งสำคัญที่ช่วยให้โปรแกรมฉีดฟิลเลอร์ให้ผลลัพธ์ออกมาสวยสมบูรณ์แบบและปลอดภัยในระยะยาว

Share.