เคล็ด(ไม่)ลับ แก้ปัญหารองเท้ากัด แบบไม่ต้องกัดตอบ!

อ่าน 9,108

เชื่อว่าสาวๆ หลายคนคงเคยเจอประสบการณ์เจ็บปวดจากปัญหา 'รองเท้ากัด' กันมาแล้ว อุตส่าห์ลองที่ร้านจนแน่ใจแล้วเชียว พอใส่เดินจริงๆ ไหงเจ็บจนแทบอยากถอดตั้งแต่ชั่วโมงแรก จะยกให้คนอื่นหรือก็เสียดาย ไม่ต้องกังวลไปค่ะสาวๆ ขอแค่รู้เคล็ดลับ ก็ แก้ปัญหารองเท้ากัด ได้แบบไม่ต้องกัดตอบแล้วล่ะ

เคล็ดลับเลือกรองเท้า ป้องกันรองเท้ากัด

1. เลือกรองเท้าให้พอดี มีชัยไปกว่าครึ่ง

ปัญหารองเท้ากัดมักเกิดจากวัสดุของรองเท้าที่แข็งกระด้าง ไม่ยืดหยุ่น หรือขนาดรองเท้าที่อาจจะเล็กเกินไป หรือบีบรัดปลายเท้าเกินไป ทำให้เกิดการเสียดสีจนเกิดรอยแผล โดยเฉพาะสาวๆ ที่ปลายเท้ามีลักษณะบานออก หรือมีหลังเท้าอวบอูมมักปวดเฮดเวลาเลือกซื้อรองเท้ามากที่สุด ลองมาดูกันนะคะ ว่าควรจะเลือกซื้อรองเท้าอย่างไรให้ใส่แล้วเดินทน แบบไม่ต้องทนเจ็บอีกต่อไป

2. เลือกซื้อรองเท้าช่วงบ่ายแก่ๆ หรือช่วงเย็น

เพราะอากาศร้อนทำให้เท้าขยายตัวเต็มที่ รวมถึงสาวออฟฟิศหลายคนต้องนั่งหรือยืนมาตลอดวันทำให้มักเท้าบวมมากกว่าช่วงเช้า หากไปซื้อรองเท้าแต่หัววัน เย็นวันถัดไปอาจจะโดนรองเท้ากัดได้นะ

3. เลือกหัวรองเท้าที่เหมาะสม

หากเป็นทรงกลม ควรเลือกแบบที่มีหัวรองเท้าใหญ่หรือปลายรองเท้าทรงเปิด แต่ถ้าเป็นทรงแหลม เมื่อลองใส่เดินแล้วปลายเท้าต้องหลวม ไม่ตึงจนเห็นนิ้วเท้าปูดออกมาค่ะ

4. เลือกวัสดุนิ่มๆ

เช่น ผ้า หรือหนังนุ่มๆ ที่สามารถยืดหยุ่นได้ดี เคลื่อนไหวได้คล่องตัว

5. เลือกพื้นรองเท้าที่ไม่บางจนเกินไป

ควรเลือกพื้นที่นุ่มสักหน่อย หรือหนาสักนิด เพราะหากบางหรือแข็งเกินไปเมื่อเดินไปนานๆ จะทำให้เจ็บเท้าและเดินไม่เต็มฝ่าเท้า จนเสียดสีที่จุดใดจุดหนึ่งเป็นพิเศษกลายเป็นแผลรองเท้ากัดตามมา

6. เลือกส้นที่สูงกำลังดี

แม้ความสูงจะทำให้ดูสง่า แต่ถ้าทำให้เกิดรอยแผลเป็นคงไม่คุ้มแน่ๆ ค่ะ ขนาดที่กำลังเหมาะสำหรับส้นสูงคือ 2.5-3 นิ้ว และใส่เท่าที่จำเป็น ควรหารองเท้าส้นเตี้ยใส่สลับเพื่อพักเท้าบ้าง

7. เลือกให้ใหญ่กว่าไซส์จริง 1/2-1 เบอร์

เพราะหากเลือกพอดีเป๊ะจนเกินไปเวลาเดินจะเกิดการเสียดสี สำหรับสาวที่ใส่คัทชูไม่ต้องกังวลค่ะ ลองเลือกแบบที่ช่วงส้นเท้าโค้งมนสอดรับกับรูปเท้า จะช่วยให้เดินแล้วไม่หลุดง่าย หรือสามารถติดแผ่นกันกัด ก็ช่วยให้กระชับขึ้นได้เช่นกัน

วิธีป้องกันรองเท้ากัดก่อนใส่จริง

1. ใช้ผ้าหรือสำลีชุบน้ำแล้วเช็ดด้านในรองเท้าให้ทั่ว แค่พอให้รองเท้าชื้น จากนั้นขยำกระดาษหนังสือพิมพ์แล้วยัดใส่ในรองเท้าจนเต็ม ทิ้งไว้ 1 วัน จะช่วยให้รองเท้านิ่มและยืดหยุ่นได้ดีขึ้น

2. ทาออยล์ เช่น น้ำมันมะพร้าว น้ำมันมะกอก หรือน้ำมันละหุ่งที่รองเท้าในบริเวณที่มักจะกัดบ่อยๆ นวดวนๆสักครู่แล้วทิ้งไว้ 2-3 วัน ก่อนนำมาใส่

3. ทาวาสลีนหรือปิโตรเลียมเจลหนาๆ ที่รองเท้า ทิ้งไว้ 3 ชั่วโมงเป็นอย่างน้อยแล้วเช็ดออก หรือโลชั่นทาผิวแบบเข้มข้นพิเศษก็สามารถเอามาใช้ได้เหมือนกัน สูตรนี้ทาได้ทั้งรองเท้าและเท้าของเราเลยเลยทีเดียว

4. โรยแป้งที่เท้าก่อนใส่ หรือจะทาที่รองเท้าด้วยก็ได้ หากใช้แป้งที่ทำจากข้าวเจ้า (ไม่ใช่แป้งข้าวจ้าวที่ใช้ทำอาหารนะคะ) ได้ก็ยิ่งดี เพราะจะช่วยให้สวมใส่ได้ลื่นสบายขึ้น และยังช่วยลดกลิ่นอับได้อีกด้วย

ช่วยด้วย! โดนรองเท้ากัดไปแล้วจะทำไงดี

หากโดนรองเท้ากัดเป็นแผลไปแล้ว ลองทำตามวิธีดีๆ จากธรรมชาติต่อไปนี้กันดู จะช่วยให้แผลหายเร็วและลดโอกาสเกิดแผลเป็นด้วยค่ะ

1. ว่านหางจระเข้ หากใช้แบบสดอย่าลืมล้างยางสีเหลืองออกก่อน แล้วเอาเฉพาะวุ้นใสๆ มาทาบริเวณรอยเช้า-เย็น หรือสะดวกกว่านั้นจะเลือกแบบเจลที่ขายตามร้านขายยาทั่วไปก็ได้ จะช่วยสมานผิวและลดเลือนรอยแผลได้ดีเยี่ยมเลยล่ะค่ะ

2. ขมิ้นชัน+ใบสะเดา คั้นใบสะเดากับน้ำสะอาด แล้วเติมขมิ้นชันลงไป 1 ช้อนชา ทาที่แผลทิ้งไว้ 20 นาที จะช่วยให้แผลหายเจ็บเร็วขึ้น

3. น้ำผึ้ง ใช้ทาบริเวณที่เป็นรอยแผลทิ้งไว้ สามารถทิ้งไว้ได้นานและทาได้บ่อยๆ ตามสะดวก ทั้งช่วยสมานแผลและลดเลือนรอยด่างดำให้จางเร็วขึ้นด้วยค่ะ

รู้เคล็ดลับแบบนี้แล้ว จะรองเท้าแบบไหน ใส่เดินไปไหน เดินนานแค่ไหน ก็ไม่ต้องกลัวปัญหารองเท้ากัดอีกต่อไปแล้วละค่ะ


วาไรตี้

เครื่องสำอาง แม่และเด็ก คลินิก สุขภาพ สกินแคร์ แต่งหน้า ทรงผม ทำเล็บ แฟชั่น ความรัก ดูดวง วาไรตี้ ลดน้ำหนัก ออกกำลังกาย คติสอนใจ ท่องเที่ยว ที่พัก ร้านอาหาร ร้านคาเฟ่